เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเพชรรัตน์การ์เด้น จังหวัดร้อยเอ็ด ได้มีการจัดโครงการสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง “การพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิเพื่อยกระดับคุณภาพงานบริการสุขภาพเชิงรุก ด้วยกระบวนทัศน์ รพ.สต.ติดดิน” โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาการ บุคลากรสาธารณสุข และภาคประชาชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก บรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความคึกคัก อบอุ่น และเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรภาพและความร่วมมือ
ในการนี้ ผศ.ดร.สัญญา เคณาภูมิ กรรมการผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนาวิชาการดอกเตอร์เคน ได้นำทีมคณาจารย์และบุคลากรจากสถาบันเข้าร่วมงาน เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ นำเสนอแนวทางการพัฒนางานวิชาการ และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่
ภายในงานมีการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย ทั้งการบรรยายพิเศษโดยผู้ทรงคุณวุฒิ การอภิปรายเชิงวิชาการ การจัดแสดงและนำเสนอผลงานรูปแบบ Poster Presentation รวมถึงการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์จากบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ ที่สะท้อนถึงความทุ่มเทและความพยายามในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
เวทีสัมมนาครั้งนี้ยังเป็นโอกาสอันดีในการเชื่อมโยงความรู้ระหว่างนักวิชาการและผู้ปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมอง แนวคิด และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิอย่างยั่งยืน
ในโอกาสนี้ ผศ.ดร.สัญญา เคณาภูมิ ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า
“สถาบันส่งเสริมและพัฒนาวิชาการดอกเตอร์เคนมีความภาคภูมิใจที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานด้านสุขภาพปฐมภูมิ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการดูแลสุขภาพประชาชนในระดับพื้นที่ การพัฒนาคุณภาพบริการเชิงรุกไม่เพียงเป็นหน้าที่ของบุคลากรสาธารณสุขเท่านั้น แต่เป็นภารกิจร่วมกันของทุกภาคส่วนที่จะต้องแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ เข้าถึงได้ และทั่วถึงอย่างแท้จริง”
การเข้าร่วมของสถาบันส่งเสริมและพัฒนาวิชาการดอกเตอร์เคนในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงพลังทางวิชาการ แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจจริงในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาสุขภาพชุมชน ผ่านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่ง และการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนได้มีบทบาทร่วมกันอย่างแท้จริง
บรรยากาศโดยรวมของการสัมมนาเป็นไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง แสดงถึงพลังของ “การรวมพลัง ร่วมใจ แลกเปลี่ยน และแบ่งปัน” ที่จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการบริการสุขภาพเชิงรุกของประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต